|
10584Visitors | [0000-00-00]
มะเร็งปากมดลูกและ Human papilloma virus (HPV)
ความสำคัญ
- Human papilloma virus หรือ HPV เป็นกลุ่มเชื้อไวรัสที่พบบ่อยทั่วโลก
- Human papilloma virus (HPV)มีทั้งสิ้นกว่า 100 ชนิด แต่มีอย่างน้อย 13 ชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง
- Human papilloma virus (HPV) ส่วนใหญ่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์และคนส่วนใหญ่จะติดเชื้อ HPV นี้หลังจากเริ่มมีเพศสัมพันธ์ได้ไม่นาน
- มะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อ Human papilloma virus (HPV)บางชนิดทางเพศสัมพันธ์
- Human papilloma virus (HPV) 2 ชนิดคือชนิดที่16และ18 เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกได้ร้อยละ 70
- มะเร็งปากมดลูกพบบ่อยเป็นอันดับสองในผู้หญิงรองจากมะเร็งเต้านม
- Human papilloma virus (HPV) ยังพบว่ามีความเกี่ยวโยงกับมะเร็ง ของอวัยวะเพศชาย หญิง มะเร็งช่องคลอดและ มะเร็งทวารหนัก
- วัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV016 และ 18 ได้รับการยอมรับและนำไปใช้แล้วในหลายประเทศเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก
Human papilloma virus (HPV) และการก่อโรค มะเร็งปากมดลูก
Human papilloma virus (HPV) เป็นการติดเชื้อที่พบบ่อยในระบบสืบพันธุ์ ชายและหญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์หรือช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะติดเชื้อนี้ในช่วงใดช่วงหนึ่งและมีหลายคนที่มีการติดเชื้อซ้ำๆ ส่วนใหญ่จะพบว่ามีการติดเชื้อนี้ในชายและหญิงหลังจากเริ่มมีเพศสัมพันธ์ได้ไม่นาน เชื้อ HPV จะติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการการสัมผัสของผิวหนังของอวัยวะสืบพันธุ์ (skin to skin)
เชื้อ HPV มีกว่า 100 ชนิด ส่วนใหญ่จะไม่ก่อปัญหา เมื่อติดเชื้อแล้วจะหายได้เองกว่าร้อยละ 90 ภายใน 2 ปี มีเพียงส่วนน้อยที่ติดเชื้อ HPV บางชนิดที่จะไม่หายและจะก้าวสู่การเป็นมะเร็ง ซึ่งเป็นที่ทราบกันแล้วว่ามะเร็งปากมดลูกเกือบทุกรายเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ HPV
ในผู้หญิงปกติที่มีการติดเชื้อ HPV จะใช้เวลาประมาณ 15 ถึง 20ปี ที่จะเกิดมะเร็งแต่ในคนที่ภูมิคุ้มกันต่ำจะใช้เวลา5ถึง10ปี
ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่ช่วยทำให้เชื้อ HPV คงอยู่ในร่างกาย ไม่หายไปและกลายเป็นมะเร็งได้แก่ การมีเพศสัมพันธ์อายุน้อย การมีคู่นอนหลายคน สูบบุหรี่ ภูมิต้านทานต่ำ
อาการและการแสดงอาการ
เมื่อติดเชื้อ HPVส่วนใหญ่จะไม่มีอาการอะไร และการติดเชื้อจะหายได้เองกว่าร้อยละ 90 แต่มีการติดเชื้อ HPVบางชนิด เช่นชนิดที่ 16 และ18 ที่เชื้อจะอยู่ในร่างกายและทำให้เกิดแผลที่จะกลายเป็นมะเร็งได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาแผลนี้จะกลายเป็นมะเร็งในที่สุด แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ใช้เวลาหลายปี
อาการผิดปกติที่พบเมื่อเป็นมะเร็งปากมดลูกได้แก่
เลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการร่วมเพศ
ตกขาวมีสีและมีกลิ่นผิดปกติ
ปวดหลัง ปวดขา อ่อนเพลียน้ำหนักลด
การป้องกันและรักษามะเร็งปากมดลูก
องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้หลายวิธีในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกประกอบด้วย
1.การฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV 16 18 ในเด็กหญิงอายุ 9 ปี- 13ปี ก่อนที่จะ
เริ่มมีเพศสัมพันธ์
2.ประชาชนจะต้องรู้จักและใช้วิธีการร่วมเพศที่ปลอดภัย มีการใช้ ถุงยางอนามัย ไม่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ไม่สำส่อนหรือมีคู่นอนหลายคน
3.ประชาชนไม่สูบบุหรี่ โดยเฉพาอย่างยิ่งวัยรุ่น เนื่องจากบุหรี่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก
4.การขลิบปลายอวัยวะเพศในผู้ชาย
5 ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ตั้งแต่อายุ 30 ปีควรจะรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ทั้งวิธี Pap smear และ VIA
6.หากพบความผิดปกติของปากมดลูกเช่นพบแผล พบเซลล์ผิดปกติจะต้องได้รับการรักษา
7. เมื่อพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกจะต้องรับการรักษาเช่นการผ่าตัด การฉายแสง
แปลจาก WHO Fact sheet N 380 Human papilloma virus (HPV) and cervical cancer http:/www.who.int/mediacenterfactsheets/fs380/en/
สมาคมแพทย์สตรีฯ กับการป้องกันมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม
สมาคมแพทย์สตรีฯ เปิดบริการตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี Pap smear และการตรวจหาความผิดปรกติของเต้านมด้วยวิธีอย่างง่าย ทุกวันเสาร์สัปดาห์ที่1และสัปดาห์ที่3 ของเดือน ฟรี ที่อาคารแพทย์โกศลชั้น2 สมาคมแพทย์สตรี ถนนสุขุมวิท ตรงข้ามวัดธาตุทอง กรุงเทพ
การฉีดวัคซีน Human papilloma virus (HPV) ป้องกันมะเร็งปากมดลูก
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก จะต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็ม เดือนละ 1 เข็ม ปัจจุบันนี้มีบริการในโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง ราคาเข็มละประมาณ 1000-2000 บาท สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ร้อยละ 70 ผู้ที่เหมาะสมต่อการฉีดวัคซีนคือผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ฉีดในเด็กสาวอายุ 9ปีขึ้นไป ซึ่งยังไม่มีเพศสัมพันธ์ ปัจจุบันนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าวัคซีนจะป้องกันโรคได้นานเป็นเวลาเท่าใด จะต้องฉีดซ้ำอีกเมื่อใด